Tuesday, August 24, 2010

ประทีปแห่งดวงดาว

เรื่องราวทั้งหมดได้เริ่มต้นขึ้นที่อารามเล็กๆ ใกล้เมืองซีอาน โดยตั้งอยู่บนเนินเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งทอดยาวมาจากเทือกเขาทางตอนเหนือ คนละฟากฝั่งของแม่น้ำเว่ย หนึ่งในลำน้ำสายหลักที่ไหลผ่านมณฑลสานซี ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ในช่วงเวลาที่ศาสนาพุทธนิกายมหายาน ได้ตั้งหลักปักฐานในภูมิภาคแถบนี้อย่างค่อนข้างจะมั่นคงแล้ว ทำให้มีสถานปฏิบัติธรรมแพร่ขยายโดยทั่วไป และอารามเล็กๆ แห่งนี้ ที่มีนามว่า ไป๋ฟาง (ทางไปสีขาว) ก็เป็นหนึ่งในสถานปฏิบัติสมณะธรรมในนิกายมหายานของพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกัน

สำหรับตัวละครหลักคนแรกก็คือ เด็กขอทานจรจัด ที่ภายหลังบวชเป็นสามเณรแล้ว จึงได้รับฉายาว่า หลิวซิง (ดาวพเนจร) เพราะความที่เป็นคนชอบเดินทางไม่ค่อยอยู่ติดที่ ร่อนเร่รอนแรมมาตั้งแต่เด็กจนอายุได้เกือบสิบห้าปี จึงมาถึงอารามไป๋ฟางแห่งนี้ และได้บวชเรียนอยู่ศึกษาพระธรรม ไม่ต้องรอนแรมไร้ที่พักพิงอีกต่อไป หลิวซิงเป็นคนร่าเริงไม่คิดมาก อาจเป็นเพราะต้องผจญชีวิตตามลำพังมาแต่เล็ก จึงทำให้มุมมองชีวิตของเขา เป็นคนที่ยอมรับความเป็นจริงทุกสิ่งที่จะบังเกิดขึ้นโดยไม่ดิ้นรนโต้แย้ง ปกติจึงชอบหลีกเร้นปลีกวิเวก เพราะความที่เป็นเด็กขอทานจรจัด ที่สังคมไม่ให้การต้อนรับ จึงทำให้เขาชอบใช้เวลาอยู่ตามลำพังในโลกส่วนตัว ไม่สุงสิงกับผู้คน และยอมรับชะตากรรมของตนด้วยความสงบ

ตัวละครหลักคนที่สองคือ สามเณรน้อยที่มีนามว่าติงเซิน (ผู้ตามประทีป) เขาเป็นเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับหลิวซิง แต่กลับมีอุปนิสัยที่ตรงกันข้าม ขณะที่หลิวซิงได้แต่สนุกสนานร่าเริงไปวันๆ แต่ติงเซินกลับเป็นคนจริงจัง ชอบที่จะเรียนรู้ศึกษาและมีปฏิปทาที่มุ่งมั่น เมื่อตัดสินใจสิ่งใดแล้วก็ยากจะเปลี่ยนแปลง แต่ทั้งสองก็มีส่วนที่เหมือนกันอยู่คือ พื้นฐานจิตใจที่อ่อนโยนและชอบช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากและลำบากกว่าตน ติงเซินแม้จะบวชเรียนเป็นสามเณร อยู่ศึกษาพระธรรมคำสอน แต่ก็มีชาติตระกูลมาจากคหบดีที่มีฐานะภายในเมือง เขาเข้ามาบวชด้วยใจศรัทธาและมุ่งมั่นจะศึกษาทำความเข้าใจพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ติงเซินได้รับหน้าที่ให้เป็นคนคอยดูแลประทีป โคมไฟ และตะเกียงทั้งหมดที่ใช้จุดบูชาอยู่ภายในวิหาร ซึ่งประดิษฐานพระพุทธะโพธิสัตว์ทั้งหลาย ด้วยความที่เป็นคนมีความรับผิดชอบสูง จนกลายมาเป็นฉายาของเขา

ขณะที่หลิวซิงจะคอยช่วยเหลือในภาระการงานต่างๆ ของติงเซิน โดยเฉพาะการติดตามติงเซินไปช่วยเข็นรถรับของที่ชาวบ้านบริจาคให้ จากในหมู่บ้านใกล้เนินเขาที่ตั้งของตัวอาราม ซึ่งมีระยะทางค่อนข้างไกล จึงทำให้ทั้งสองใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก กระทั่งดวงชะตาได้นำพาทั้งสองให้เข้ามาสู่วังวนที่สุดแสนจะพิศดารมหัศจรรย์ หากมองจากสายตาของปุถุชน คือความสามารถในการสื่อสารกับบรรดามวลมหาปัญญาอันยิ่งใหญ่ ซึ่งได้เมตตามอบคำสอนสั่ง และตอบปัญหา พร้อมคำชี้แนะที่ทรงคุณค่า เพื่อพัฒนาจิตเดิมแท้ของเณรน้อยทั้งสองให้ก้าวล่วงสู่วิถีแห่งความหลุดพ้นอันเที่ยงแท้ จนได้กลายมาเป็นเนื้อหาสาระในหนังสือนวนิยายเล่มนี้

ตัวละครหลักอีกคนที่ไม่อาจละเลย ก็คือท่านไต้ซือฟาถู (ผู้สวมมงกุฏแห่งปัญญา) ท่านเป็นเจ้าอาวาสอารามไป๋ฟางแห่งนี้ ทั้งยังเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนโดยทั่วไป ไต้ซือฟาถูเป็นคนเข้มงวดจริงจังหากเป็นการปฏิบัติธรรม ท่านจะไม่ยอมอ่อนข้อให้หาข้ออ้างหลีกเลี่ยงได้เป็นอันขาด แต่ถ้าเป็นเรื่องทั่วไป ท่านก็จะเป็นเหมือนพระเถระอารมณ์ดี คุยสนุก และที่สำคัญเป็นผู้ทรงภูมิธรรมและปัญญาญาณ ที่หาผู้เสมอเหมือนได้ยาก มีความจัดเจนในหัวข้อธรรมคำสอนของพุทธองค์ อย่างถ่องแท้และแจ้งชัด สามารถโต้ตอบปัญหาธรรมได้ทุกเรื่อง และให้คำอรรถาธิบายได้ทั้งแบบเรียบง่ายและพิสดาร

โดยเฉพาะในเรื่องพื้นฐานจิตใจ ท่านเป็นคนใจดีมีเมตตา ชอบที่จะช่วยเหลือเผื่อแผ่ผู้ตกทุกข์ได้ยากทุกเมื่อ และหลังจากสังเกตุเห็นว่าเด็กน้อยขอทานมักจะแวะเวียนมาที่อาราม และได้อาหารแบ่งปันจากติงเซินเป็นประจำ ทั้งขอทานน้อยก็รู้คุณ มักจะอาสาติดตามช่วยงานติงเซินอยู่บ่อยครั้ง ท่านจึงชวนให้ขอทานน้อยอยู่ร่วมที่อาราม โดยให้บวชเป็นสามเณรน้อย และตั้งฉายาให้ว่าหลิวซิง สองสหายหลิวซิงและติงเซิน จึงได้อยู่อาศัยร่วมชายคาในอารามไป๋ฟางนับแต่นั้นเป็นต้นมา ขณะที่ติงเซินจะพักอาศัยอยู่ที่อาคารเดียวกับท่านเจ้าอาวาส เพื่อคอยอุปฐากดูแลตามปกติ แต่หลิวซิงนั้นรู้สำนึกเจียมตนและขอไปพักอาศัยอยู่ในอาคารเก็บของ โดยอาสาเฝ้าของไปในตัว เพราะไม่ต้องการให้เป็นปัญหาต่อพระเณรคนอื่นๆ ที่อาจรู้สึกรังเกียจปูมหลังความเป็นมาที่ต่ำต้อยของตน

และทั้งหมดนี้ก็เป็นพื้นฐานเรื่องราวของนวนิยายเรื่องนี้ สำหรับตัวละครประกอบอื่นๆ ใช่ว่าจะไม่มีความสำคัญ เพียงแต่มิได้ปรากฏเป็นเนื้อหาหลักในทุกบท จึงจะขอยกยอดไปแนะนำตัวในแต่ละเหตุการณ์ที่พวกเขาเหล่านั้นมีบทบาทร่วมอยู่แทน เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ท่านผู้อ่านก็คงพอเข้าใจได้บ้างแล้วว่า ที่มาของชื่อเรื่อง ประทีปแห่งดวงดาว นั้นมีความเป็นมาจากการผนวกรวมเอาบทบาทของตัวละครหลักคือเณรน้อยทั้งสองคนเข้าด้วยกัน หนึ่งประทีป หนึ่งดวงดาว เพราะทั้งสองเป็นผู้ที่ทำให้เรื่องราวต่างๆ ดำเนินไป ตั้งแต่ต้นจนจบ และเป็นผู้ที่นำพาเอาแสงสว่างแห่งปัญญาญาณมาเผยแผ่แก่ตนเองและผู้อื่น ดังคำกล่าวที่ว่า ดวงดาวให้แสง ประทีปให้ทาง เมื่อทั้งประทีปและดวงดาวมาอยู่รวมกัน จึงย่อมให้ทั้งแสงสว่างและเส้นทางอันเหมาะสม เพื่อก้าวเดินสู่วิมุติสุขอันสันติเป็นนิรันดร์

ติดตามอ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ http://www.daow8.com/zone01/blg03/main.php

No comments:

Post a Comment