Wednesday, August 25, 2010

อิทธินาคินทร์ 1 : นาคาอหังการ

เมื่อเหล่าภูติผู้มีอหังการ สามารถรวบรวมกำลังขึ้นเป็นปึกแผ่น ภายใต้การนำของจอมภูติศิรนรา ความอดทนอดกลั้นต่อการดำรงอยู่ภายใต้อำนาจความคุมแห่งเหล่าเทพจึงสูญสิ้น บรรดาพลรบภูติอันเกรียงไกรจึงได้กรีฑาทัพเข้ารุกรานทั้งแดนเทพและมนุษย์ ก่อเกิดเป็นมหาสงครามตรีสหัสวรรษที่ลือลั่นไปทั่วทั้งอันตรวียาโลกธาตุ สร้างเป็นความพินาศยับเยินอันไม่จบสิ้นมาตลอดกาลเวลาแห่งกลียุคที่มืดมน จนไม่มีผู้ใดอาจหยั่งรู้ได้ว่า เมื่อใดสงครามและความขัดแย้งนี้จะยุติสิ้นสุดลง

ในช่วงสองสหัสวรรษแรก เหล่าเทพล้วนพ่ายแพ้ปราชัยอย่างต่อเนื่อง ไม่มีกองทัพใดสามารถต้านท้าอำนาจฤทธิ์ของจอมภูติศิรนราได้ ทวยเทพทั้งหลายจึงจำต้องถอยร่น และปล่อยให้มนุษย์ต้องรับศึกเพียงลำพัง อย่างไร้สิ้นซึ่งความหวังใดๆ แต่มนุษย์ก็ไม่ยอมศิโรราบให้กับอำนาจของจอมภูติ แม้จะถูกตีถอยร่นไปตลอดเวลา จนมาถึงช่วงท้ายของพันปีที่สอง เหล่ามนุษย์ได้ล่าถอยมาตั้งมั่นอยู่ที่ชายขอบของพนาต์ศักดิสิทธิ์แห่งอมรบดี พวกเขาได้อาศัยอิทธาธิษฐานที่จอมอธิราชเทพผู้หลับไหลได้กำหนดไว้ก่อนจะเข้าสู่นิทราญาณอันลึกล้ำเมื่อกว่าเบญจสหัสวรรษที่ผ่านมา

ทว่าศิรนราผู้สูงล้นด้วยมหาอำนาจและอหังการ กลับไม่หวาดหวั่นต่ออิทธาธิษฐานอันศักดิ์สิทธิ์นั้น แต่เขากลับท้าทายจอมอธิราชผู้หลับไหลอย่างไม่กลัวเกรง ความหฤโหดและอำมหิตของจอมภูติได้สะท้านสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทั้งโลกธาตุ และท่ามกลางเสียงวิงวอนร้องขออย่างสิ้นหวังของมวลมนุษย์ที่ไร้ทางไป จอมอธิราชผู้เป็นราชันแห่งเทพจึงไม่อาจทนวางเฉยต่อไปได้ และลำพังเพียงการถอนออกจากภวังค์แห่งนิทราญาณของเขา ก็ได้ทำลายกองทัพหน้าของศิรนราจนสูญสิ้น สร้างความระย่นย่อและโกลาหนระส่ำระสายให้เกิดขึ้นทั่วทั้งกองทัพภูติอย่างรวดเร็ว ทั้งเทพและมนุษย์จึงได้หวนกลับคืนมารวมตัวกันอีกครั้ง ภายใต้การนำของอิสรินทร์ จอมอธิราชันผู้หวนคืน

การยุทธในสหัสวรรษสุดท้ายที่ผ่านมาจึงค่อยพลิกผัน กองทัพของเทพและมนุษย์สามารถขับไล่เหล่าภูติให้ถอยร่นกลับสู่ดินแดนของตนในมหาทวีปภูตปรกาฬ จากนั้นมาแม้สงครามจะยังไม่สิ้นสุด แต่สันติสุขก็พอจะแสวงหาได้ มนุษย์เริ่มคืนกลับสู่สิตรคันธรมหาทวีปแห่งตน โดยมีพลศึกผสมระหว่างมนุษย์และเหล่าเทพตั้งขบวนทัพอยู่ที่ชายขอบของภูตทวีป เพื่อป้องกันการรุกรานของศิรนรา เหตุการณ์ทั้งหมดคล้ายจะสงบมากว่าพันปี กระทั่งสิ่งที่ไม่คาดคิดได้อุบัติบังเกิดขึ้น เมื่อมรณะภัยได้กร้ำกรายสู่มินนรีชายาสาวเพียงหนึ่งเดียวแห่งเจ้าวิรุณนาคาอย่างฉับพลันทันใด เพื่อช่วยเหลือเหล่ามนุษย์ ตามคติแห่งอารยะของเหล่าปฐพีนาคาที่เปี่ยมล้นอยู่ในสายเลือดและจิตวิญญาณ จึงทำให้มินนรีถูกกลลวงเข้าสู่แดนสังหารของเหล่าภูติอย่างง่ายดาย

ความสิ้นสูญของนาคาสาวผู้เป็นที่รักยิ่ง ทำให้วรินทรผู้เป็นสวามีของมินนรีได้แต่ร่ำร้องคร่ำครวญอยู่ต่อหน้าสรีระอันว่างเปล่าของชายาสาวถึงสิบห้าราตรี ความเศร้าโศรกพิไรรำพันได้ครอบคลุมแดนบาดาลอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่วิรุณนาคาเท่านั้น แต่แผ่ขยายออกไปจนกลายเป็นความโศรกซึ้งรันทดอันยิ่งใหญ่ครอบคลุมทั่วทุกวงศ์สายแห่งนาคาทั้งหลาย ด้วยความคับแค้นที่มนุษย์เป็นต้นเหตุ เหล่าเทพปฏิเสธการร้องขอ เหล่าภูติเป็นผู้ลงมือสังหาร นาคาทั้งหลายจึงประกาศตนเป็นอิสระไม่ขึ้นตรงต่อฝ่ายใด แล้วนาคาทั้งสี่วงศ์จึงเข้ารวมกำลังกัน เพื่อเปิดศึกสงครามกับเหล่าภูติอย่างจริงจัง เกิดเป็นมหาสงครามแห่งสหัสวรรษใหม่ ที่รุนแรงและเลวร้ายยิ่งกว่าเดิมหลายร้อยหลายพันเท่า

แม้จอมเทพอิสรินทร์จะพยายามเกลี้ยกล่อมวรินธรผู้นำแห่งเหล่านาคาเพียงใด ก็ดูจะไร้ผล ในสายตาของวรินธรล้วนมีแต่เพียงความแค้น เขาไม่สนใจว่าโลกธาตุจะถล่มทลายสิ้นสูญไปหรือไม่ จุดมุ่งหมายเพียงหนึ่งเดียวคือสังหารศิรนราและทำลายกองทัพภูติให้สูญสิ้น ใครเลยอาจคาดคิดได้ เมื่อเหล่านาคาผู้สงบงัน ที่คอยควบคุมฤดูกาลและวัฏฏจักรแห่งโลกธาตุ จะแปรเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ เมื่อพวกเขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว พลังอำนาจกลับเปี่ยมล้นเกินกว่าที่จะควบคุมยับยั้ง อีกทั้งวัฏฏจักรที่แปรปรวนไร้การควบคุม ก็ยิ่งเพิ่มความสับสนอลหม่านให้แผ่ขยายไปทั่วทั้งแดนฟ้าและผืนดิน ทำให้ความสงบสุขสูญสิ้นไปอย่างรวดเร็ว

สุดท้ายเหล่าเทพจำต้องตัดสินใจหยุดยั้งวรินธร เพื่อควบคุมเหล่านาคาให้อยู่ในอาณัติดุจเดิม สงครามระหว่างเทพและนาคาจึงอุบัติบังเกิดขึ้น ในขณะนั้นเอง ศิรนราจึงถือโอกาสเคลื่อนพลไปปลดปล่อยเหล่าสัตว์นรก ปีศาจ และอสุรกายในอบายให้ลุกฮือขึ้น ก่อเกิดเป็นมหายุทธถล่มฟ้าดินอันยิ่งใหญ่และหนักหน่วงกว่าทุกครั้ง มนุษย์ถูกบังคับให้ต้องเข้าร่วมกับเหล่าเทพ แต่พวกเขากลับไม่ยินยอมที่จะรบกับเหล่านาคาผู้มีคุณ ทำให้มนุษย์ต้องถูกกีดกันอยู่เดียวดาย พวกเขาจึงมุ่งมั่นที่จะต่อสู้จนคนสุดท้าย และขอตายในแดนเกิดแห่งตน จะไม่มีการล่าถอยหรือหลบหนีอย่างไร้เกียรติอีกต่อไป

ทว่าการตัดสินใจของเหล่ามนุษย์ในครั้งนี้ กลับทำให้เมธาจารย์ ผู้นำจิตวิญญาณแห่งนิกายสัตยา เกิดความประทับใจในกตเวทิตาคุณของมวลมนุษย์ จึงประกาศเข้าร่วมกับพวกเขา และด้วยอำนาจแห่งอภิญญาอันยิ่งของเหล่าชนนิกายแห่งสัตยธรรม จึงทำให้เหล่ามนุษย์สามารถยืนหยัดอยู่ได้ ท่ามกลางภัยแห่งสงครามที่รายรอบ โดยไม่มีใครรู้ว่า กลียุคมิคสัญญีครั้งใหม่นี้จะยุติสิ้นสุดลงเมื่อใด ฟ้าดินจะถูกถล่มทลายลงหรือไม่ ไม่มีใครยอมใครอีกต่อไป เมื่อเหล่านาคาที่แปรเปลี่ยนเป็นอสุรสัตว์ที่ดุร้ายและเรืองอำนาจ ได้กลายเป็นขุมกำลังอันยิ่งใหญ่ ที่สามารถต้านทานทั้งเหล่าเทพและกองทัพภูติโดยไม่หวาดหวั่นสั่นคลอน เพราะพวกเขาไร้สิ้นซึ่งความหวังใดๆ ไม่มีความรักหลงเหลืออยู่อีก ซากใจของวรินธรคล้ายจะป่นทำลายไปพร้อมกับชีวิตของมินนรี ชายาที่เขารักสุดหัวใจ มันทำให้พวกเขาไร้ทางเลือก นอกจากจะประกาศศักดาแห่งความเป็นอิทธินาคินทร์ของพวกตน ให้โลกธาตุทั้งหมดได้รับรู้

ติดตามรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ http://www.daow8.com/zone05/blg01/main.php

No comments:

Post a Comment