Thursday, October 28, 2010

โซรีเซีย 1 : ปฏิฆันทารา

หลังจากมหาสงครามที่สุดแสนหฤโหดเมื่อพันปีที่ผ่านมาได้จบสิ้นลง พร้อมกับความบอบช้ำของทุกสายพันธ์และอารยธรรมที่เกี่ยวข้อง ชาวมนุษย์ที่ขยายอณานิคมออกไปยังระบบดาวเทราคอน ล้วนต้องถูกบีบบังคับให้ถอยกลับคืนสู่ระบบดาวดั้งเดิมของตนจนหมดสิ้น ภายใต้ปฏิญญาแห่งความอัปยศ ที่มนุษย์ชาวโซรีเซียทุกคนต้องทนแบกรับไว้ ทำให้พวกเขาต้องถูกกักให้ดำรงคงอยู่เฉพาะในดาวโซริน แหล่งกำเนิดดั้งเดิมของพวกตน ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดจากสายพันธ์เทราอีส ที่ได้รับเลือกจากกลุ่มที่วิตกกังวลต่อการแผ่ขยายอาณานิคมของมนุษย์ ให้เป็นตัวแทนคอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้อารยธรรมของมวลมนุษย์ต้องตกอยู่ภายใต้ข้อจำกัดนานัปการ ตามที่กำหนดไว้ในปฏิญญาฉบับจำยอมนั้น โดยพวกเขาไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีอื่นใด ที่จะเป็นไปเพื่อการทำสงคราม จะมีได้ก็แค่วิทยาการพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและการคงอยู่ของเผ่าพันธ์เท่านั้น รวมทั้งยังไม่มีอิสระที่จะเดินทางออกนอกดวงดาวแม้น้อย เพราะมียานแม่ของพวกเทราอีสคอยตรวจตราดูแลอยู่ ด้วยเงื่อนไขที่แสนจะบีบบังคับทั้งหมดนี้ จึงทำให้เผ่าพันธ์มนุษย์ต้องติดอยู่ภายในดาวเคราะห์ต้นกำเนิดของตนมาตลอดระยะเวลาหนึ่งพันปี

สาเหตุสำคัญที่ทำให้สภาสูงแห่งจักรวาลไม่อาจยื่นมือเข้ามาข้องเกี่ยวได้เท่าที่ควร และต้องจำยอมรับเงื่อนไขข้อจำกัดทั้งหมด ที่ถูกใช้บีบบังคับสายพันธ์มนุษย์อย่างรุนแรงและร้ายกาจ ประหนึ่งว่าต้องการให้พวกเขาสิ้นหวัง และทยอยสูญสิ้นเผ่าพันธ์ไปในที่สุดภายในดวงดาวของตน ก็เพราะว่า สภาพภายหลังสงครามที่ทุกฝ่ายตกอยู่ในสภาพที่ยับเยินเกินกว่าจะรวมตัวกันได้อย่างมีเอกภาพ จึงทำให้อำนาจของสภาสูงถูกลดทอนไปอย่างสิ้นเชิง กระทั่งเกิดการแบ่งแยกออกเป็นสองฝ่ายอย่างค่อนข้างชัดเจน คือฝ่ายที่ต้องการให้โอกาสแก่มนุษย์โลกโดยมีสายพันธ์เฟซาเรียนเป็นแกนนำ ขณะที่อีกฝ่ายต้องการพิพากษาลงโทษประหารชีวิต ทำลายสิ้นทั้งเผ่าพันธ์ของมนุษย์ ก็มีสายพันธ์เทราอีสเป็นหัวโจก

แต่นอกจากสภาพของสภาสูงที่ไร้เอกภาพเพียงพอ ที่จะมีอำนาจควบคุมการตัดสินใจใดๆ ก็ยังมีสิ่งที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องแปลกใจก็คือ เงื่อนไขแห่งปฏิญญาฉบับดังกล่าว กลับถูกนำเสนอโดยหนึ่งในชาวเฟซาเรียนที่ดูแลสายพันธ์มนุษย์ เพื่อยุติมหาสงครามและความขัดแย้งทั้งหมด พวกเขาเสนอแผนการสร้างจักรกลพลังงาน ที่มีอำนาจในการดูดซับพลังทางด้านลบทั้งหมดจากสายพันธ์มนุษย์ เพื่อที่จะควบคุมมิให้พวกเขาวิวัฒน์ขึ้นบนเส้นทางแห่งความรุนแรง โดยเรียกจักรกลดังกล่าวนั้นว่า ปฏิฆันทาราในภาษาของชาวมนุษย์ในยุคนั้น เพื่อเป็นการรับประกันว่า มนุษย์จะไม่เป็นสายพันธ์ที่ร้ายกาจเหมือนกับที่สมาชิกอีกฝ่ายหนึ่งมีความเชื่อและวิตกกังวล และเพื่อให้จักรกลนั้นทำงานได้ผล จึงต้องจำกัดขอบเขตของเหล่ามนุษย์ไว้ เป็นเหตุให้มนุษย์ต้องถูกกักไว้ในดาวเคราะห์ต้นกำเนิดของตนเป็นเวลาหนึ่งพันปี โดยถือเป็นช่วงเวลาแห่งการทดสอบ หากในระหว่างระยะเวลาดังกล่าว ไม่มีการเกิดสงครามรุนแรงใดๆ ในอารยธรรมของมวลมนุษย์ ทางสภาสูงก็จะทำการประเมินและนำคดีดังกล่าวนี้มาทำการวินิจฉัยกันใหม่หมด

ในตอนที่เงื่อนไขนี้ถูกนำเสนอต่อสภานั้น ชาวเทราอีสและกลุ่มผู้ต่อต้าน ล้วนเห็นด้วยในหลายประเด็น ประการแรกพวกเขาจะได้มีเวลาฟื้นฟูกำลังของพวกตนขึ้นใหม่ เพื่อรอคอยเวลาหลังหนึ่งพันปีผ่านไป ไม่ว่าปฏิฆันทาราจะใช้ได้ผลหรือไม่ก็ตาม และหากมันสามารถดูดซับพลังงานด้านลบจากจิตใจของมนุษย์ได้จริง ถึงตอนนั้นพวกเขาก็สามารถลอบทำลายมัน เพื่อปลดปล่อยพลังด้านลบให้ปะทุระเบิดออกอย่างฉับพลัน และนั่นย่อมทำให้พวกมนุษย์ได้ซึมซับพลังแห่งความชั่วร้ายอย่างสุดขั้วในเวลาอันสั้น เมื่อบวกรวมกับแรงกดดันที่ถูกกักขังนับพันปี พวกเขาย่อมลุกฮือขึ้นก่อสงครามปลดแอกตนเองอย่างแน่นอน และนั่นก็เป็นเหตุผลอันสมควรซึ่งมีน้ำหนักพอที่จะบังคับให้สภาสูงต้องตัดสินใจ ทำลายล้างเผ่าพันธ์มนุษย์ทั้งหมดในที่สุด ในขณะเดียวกันพวกนั้นยังเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้น พวกตนจะสามารถฟื้นคืนพลังอำนาจและแสนยานุภาพที่เกรียงไกรพอที่จะมีอิทธิพลแทรกแซงการตัดสินใจของสภาสูงได้

ขณะที่ชาวเฟซาเรียนและกลุ่มผู้คัดค้านการทำลายล้างสายพันธ์มนุษย์ ก็ล้วนเห็นตรงกันว่า มันเป็นทางออกเพียงทางเดียว ที่จะช่วยซื้อเวลาทางรอดของมวลมนุษย์ อีกทั้งผลการต่อต้านของพวกมนุษย์ในมหาสงครามที่ผ่านพ้นไป ก็เป็นสิ่งที่สั่นคลอนความเชื่อถือของสมาชิกในหลายสายพันธ์ เพราะไม่มีใครคาดคิดว่า อารยธรรมมนุษย์ที่เพิ่งพัฒนามาได้ไม่นาน กลับสามารถตอบโต้และต่อต้านการตัดสินลงทัณฑ์ของสภาสูงได้อย่างอาจหาญและกร้าวร้าว พวกเขาทั้งหมดได้เห็นถึงพลังชีวิตและการดิ้นรนต่อสู้อย่างยิ่งยวด จนทำให้หลายสายพันธ์ที่เคยมีความเห็นใจต่อชะตากรรมของชาวมนุษย์ เริ่มไม่แน่ใจว่า หากปล่อยให้มนุษย์คงอยู่ต่อไป พวกเขาอาจกลายเป็นเภทภัยต่อความสงบสุขของทั้งจักรวาลหรือไม่

ยังดีที่ชาวเฟซาเรียนได้ชี้ให้กลุ่มที่เห็นด้วยกับตนส่วนใหญ่ เชื่อตรงกันว่า ชาวเทราอีสมีความเห่อเหิมทะเยอทะยานที่จะครองอำนาจ แม้ไม่มีชาวมนุษย์ สงครามก็คงเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ตรงกันข้าม การอุบัติบังเกิดของสายพันธ์มนุษย์นี้เอง ที่จะกลายเป็นสิ่งต่อต้านขัดขวางการเคลื่อนไหวในแผนการใหญ่ของพวกเทราอีสและพวกได้ หากสามารถโน้มน้าวให้พวกมนุษย์มาเป็นพวก โอกาสชนะสงครามย่อมตกเป็นฝ่ายของพวกตนในที่สุด และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกฝ่ายยังคงความเชื่อมั่นไว้ได้ก็คือ การรับรองของชาวเฟซาเรียน โดยมีฟาเซียริสหนึ่งในชนชั้นสูงของเฟซาร์ ซึ่งเป็นดังเทพเจ้าที่ชาวมนุษย์ให้ความเลื่อมใส ทั้งหมดจึงเชื่อว่า นางจะสามารถโน้มน้าวและเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพวกมนุษย์ได้ โดยที่ไม่มีผู้ใดระแคะระคายแม้เพียงน้อยนิด ถึงแผนการเบื้องหลังอันลึกลับซับซ้อน ที่ซ่อนเงื่อนงำอยู่ภายในจักรกลปฏิฆันทารา มันเป็นสิ่งที่ได้ถูกบรรจงสร้างขึ้นผ่านการวางแผนมาอย่างแยบยลนับพันปี และแล้วเวลานั้นก็มาถึง มหาตำนานแห่งโซรีเซียจึงเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ติดตามอ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ http://www.daow8.com/zone04/blg01/main.php

Sunday, October 17, 2010

กลไกกลกรรม

ความจริงแล้วกฏแห่งกรรม ก็ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร เพราะไม่ต่างจากฏเกณฑ์ทางกลศาสตร์ทั่วไปในเรื่องแรงกระทำและแรงปฏิกิริยา กล่าวคือ เมื่อมีแรงกระทำต่อสิ่งใด ก็จะมีแรงปฏิกิริยาสนองตอบกลับมาในทางตรงกันข้ามเสมอ ยิ่งแรงกระทำมีมาก แรงปฏิกิริยาที่สะท้อนกลับก็จะมากตาม กฏแห่งกรรมหรือการกระทำ ก็เป็นเช่นเดียวกันนั้น เมื่อท่านกระทำกรรมต่อผู้หนึ่งผู้ใด หรือต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็ย่อมได้รับผลของกรรมสนองตอบคืนกลับมา หนักเบาตามแรงของกรรมที่ท่านได้กระทำลงไปนั้น

เพียงแต่ที่อาจดูเหมือนซับซ้อนก็เพราะว่า มีเรื่องของผลกระทบจากสภาพแวดล้อมข้างเคียงเข้ามาร่วมประกอบ จากหลักความจริงที่ว่า ผูกพันเพียงหนึ่ง โยงใยนับอนันต์นั้น จึงทำให้การกระทำกรรมใดๆ ล้วนไม่มีผลกระทบในเชิงเดี่ยว แต่จะมีการกระทบกระเทือนต่อเนื่องกันไปเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ เหตุเพราะว่า แต่ละชีวิตนั้นมิได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง พวกเขาย่อมมีคนใกล้ชิดและญาติมิตร รวมไปถึงสัมพันธชนที่เขารู้จักมักคุ้น เมื่อกระทำกรรมต่อชีวิตเดียวจึงย่อมไม่ได้กระทบเฉพาะผู้ที่เรากระทำเท่านั้น แต่ย่อมส่งผลกระเทือนไปยังคนที่เกี่ยวข้องกับเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง และนี่เองที่ทำให้กรรมทั้งหลาย ล้วนมีสภาพเป็นสหกรรมโดยปริยาย

การเรียนรู้เรื่องกรรมจึงต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม ของการกระทำกรรมนั้นๆ ด้วย และต้องยอมรับความจริงที่ว่า เป็นเรื่องยากที่จะไม่กระทำกรรมใดๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม โดยเฉพาะในโลกยุคนี้ที่สังคมมีความซับซ้อน และเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์โยงใยกันไปหมด กระแสการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ทำให้การส่งผ่านข่าวสารข้อมูลระหว่างกันอย่างสะดวกรวดเร็ว ก็ล้วนมีผลให้การทำกรรมในสังคมโลกปัจจุบัน มีผมกระทบที่รุนแรงและรวดเร็วขึ้นกว่ายุคสมัยเดิมๆ เป็นอันมาก ดังนั้นการกระทำใดๆ ในยุคนี้ จึงดูเหมือนว่า ส่งผลกระทบไปในวงกว้าง ทำให้ผลของกรรมนั้นสะท้อนกลับมาอย่างรวดเร็วและเห็นผลทันตา

ยกตัวอย่างเช่น คนที่ฆ่าคนตายนั้น หากเป็นสมัยก่อน กว่าจะจับได้ก็คงยากลำบากไม่น้อย และส่วนใหญ่ก็อาจจะหลบหนีการจับกุมไปได้ เพราะสังคมและประชากรยังไม่แผ่กว้างเหมือนในปัจจุบัน ทำให้ยังมีสถานที่หลบซ่อนได้มาก รวมไปถึงเทคโนโลยีหรือวิทยาการในการสืบสวนสอบสวนก็ยังไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนในยุคนี้ แต่ถ้าเป็นในปัจจุบันโอกาสที่จะหนีพ้นก็มีได้น้อยกว่าเดิม แม้จะไม่ถึงกับไม่มี จึงทำให้ดูคล้ายกับว่า ฆาตกรผู้นั้นได้รับผลสนองของกรรมอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันเมื่อมีการพัฒนาวิทยาการไปมาก และสังคมก็เต็มไปด้วยการแข่งขัน จึงย่อมหลีกไม่พ้นที่จะเกิดความเครียดในหมู่ชน จนทำให้การก่ออาชญากรรมมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย

แน่นอนว่า การส่งผลของกรรมนั้น มิได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีหรือสภาพสังคมใดๆ ผู้ที่กระทำสิ่งใดไว้ย่อมหลีกไม่พ้นจากผลแห่งการกระทำของตน ที่ย้อนกลับมาตอบสนองไม่ช้าก็เร็ว และถ้าจะกล่าวกันตามตรง ก็ต้องบอกว่า การสนองผลของกรรมนั้นมีวงรอบที่แน่นอน ขึ้นกับความแรงของเจตนาในการกระทำ หากมีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะทำมาก ก็ย่อมทำให้เจตนามีกำลัง การกระทำกรรมลงไปด้วยเจตนาดังกล่าว ก็ย่อมได้รับผลของกรรมที่สนองตอบอย่างรุนแรงและรวดเร็ว คราวนี้จะขอยกตัวอย่างคนทำกรรมในแง่ดีบ้าง อาทิเช่น คนที่มุ่งมั่นตั้งใจขยันทำมาหากิน และรู้จักเก็บออม บริหารการใช้จ่ายอย่างเหมาะสม คนเหล่านี้ย่อมสามารถพบกับความสำเร็จ ในการยกฐานะของตนให้สูงขึ้นและมีความมั่งคั่งมั่นคงได้ในเวลาที่ไม่นานนัก ขึ้นกับกำลังของความมุ่งมั่นที่เขามีอยู่

ท่านจึงกล่าวว่า เจตนาหรือความตั้งใจในการกระทำ ก็คือตัวของกรรม และเป็นปัจจัยในการกำหนดผลของกรรมนั้นๆ ด้วย ในขณะเดียวกันหากมีคนหมู่มากเกิดมีเจตนาหรือความตั้งใจในการกระทำกรรมใดๆ สักอย่างหนึ่งแล้ว ผลของกรรมนั้นย่อมรุนแรงกว่าการกระทำด้วยคนเพียงคนเดียวเป็นธรรมดา และนี่เองที่เป็นที่มาของสหกรรม หรือกรรมหมู่ ที่กระทำด้วยคนมากกว่าหนึ่งคนขึ้นไป และเมื่อผลของกรรมย้อนกลับมาสนองแล้ว พวกเขาก็จะได้รับผลกรรมเหล่านั้นพร้อมๆ กันในเวลาเดียวกัน นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้กฏแห่งกรรมดูเหมือนซับซ้อน และยากที่จะคาดเดา ทั้งๆ ที่พื้นฐานของกฏเกณฑ์นี้ก็คือ ทุกการกระทำจะต้องได้รับผลของการกระทำสนองตอบอย่างแน่นอนเท่านั้น

จากที่บรรยายมาทั้งหมด คงจะพอทำให้ท่านทั้งหลายเห็นถึงความจำเป็นในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฏแห่งกรรมและการสนองผลของมัน เพราะดังที่กล่าวมาแล้วว่า ทุกชีวิตยากที่จะหลีกพ้นการกระทำกรรม เมื่อเกิดมาแล้วท่ามกลางสหสัมพันธ์ของสังคม และสภาพแวดล้อมรอบด้าน ทุกย่างก้าวจึงล้วนยากที่จะหลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งอื่นๆ และการเบียดเบียนซึ่งกันและกันก็เป็นธรรมชาติประการหนึ่งของโลกียะ แม้เรานั่งอยู่เฉยๆ ดูเหมือนไม่ได้ทำอะไร แต่เชื้อโรคหรือสิ่งมีชีวิตเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน ก็อาจกำลังกัดกร่อนร่างกายของเราไปทีละน้อย ขณะเดียวกันบางครั้งแค่เรานั่งฟังข่าว และนึกเกลียดชังหรือสาบแช่งผู้ใดไว้ในใจ นั่นก็เป็นการกระทำกรรมทางด้านความคิด หรือมโนกรรมไปเรียบร้อยแล้ว และกรรมเหล่านี้จะมากหรือน้อยก็ล้วนมีผลของมันรอตอบสนองเราอยู่ทั้งสิ้น ดังพุทธพจน์ที่กล่าวไว้ว่า อุจจาระแม้นิดหนึ่งน้อยหนึ่งก็มีกลิ่นเหม็น กรรมก็เช่นกันจะมากหรือน้อยก็ย่อมต้องมีผลตอบสนอง

จึงอาจกล่าวได้ว่าปัญหาที่มีอยู่ในชีวิตทั้งหมด ที่ดูเหมือนจะหาสาเหตุไม่ได้นั้น แท้ที่จริงก็ล้วนมาจากกรรมที่เราไม่ได้คาดคิดว่าได้กระทำลงไป เอาแค่กรรมปัจจุบันหรือกรรมในอดีตนับแต่เราเกิดมาในชาติปัจจุบันก็พอ ยังไม่ต้องเจาะลึกไปยังอดีตชาติที่ยากจะพิสูจน์ได้ เพราะเพียงแค่นี้ก็สามารถสร้างปัญหาความยุ่งยาก หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างมีนัยสำคัญทั้งสิ้น หนังสือเล่มนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อหาคำตอบสำหรับการขยายความในเรื่องของกรรมทั้งหลาย เป็นการเปิดโลกทัศน์ในแง่มุมที่หลากหลายมากขึ้น และช่วยให้ท่านผู้อ่านได้ตระหนักรู้และมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของกรรมได้อย่างกว้างขวางและมีความชัดเจน จนสามารถดำรงตนอย่างเหมาะสมต่อสถานภาพของตนในกาลต่อไป

ติดตามรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ http://www.daow8.com/zone03/blg02/main.php

Monday, October 4, 2010

Destiny talk

ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์อยู่ในแวดวงของนักโหราศาสตร์ มาเป็นเวลานานพอสมควร แม้จะมิใช่ผู้ที่ประกอบอาชีพด้านนี้โดยตรง แต่ด้วยความสนใจส่วนตัว จึงเฝ้าติดตามศึกษามาโดยตลอด ด้วยประเด็นแรกเริ่มที่จุดประกายให้ผู้เขียนหันมาสนใจในเรื่องโหราศาสตร์ก็คือ ทำไมการทำนายทายทักพยากรณ์ หรือการนำไปใช้ปรับแก้ชะตาชีวิตของผู้คน ในแต่ละหลักวิชา จึงดูเหมือนว่าเป็นผลได้น้อย ทั้งที่แต่ละวิชาก็ล้วน มีหลักการที่ชัดเจน และล้วนมีพื้นฐานอยู่บนหลักวิชาสถิติสมัยใหม่ โดยผ่านการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์วิจัยอย่างเป็นขั้นตอนมาหลายชั่วคน จนได้สูตรหรือกฏเกณฑ์ที่ตายตัวระดับหนึ่ง ซึ่งน่าจะใช้งานได้จริง

เมื่อเกิดคำถามขึ้นย่อมต้องแสวงหาคำตอบ ผู้เขียนจึงเริ่มเข้ามาทำการศึกษาหลักวิชาต่างๆ ของโหราศาสตร์อย่างจริงจัง เพราะต้องการรู้ให้ได้ว่า อะไรเป็นอุปสรรคขัดขวางที่ทำให้หลักวิชาเหล่านี้ไม่สามารถแสดงศักยภาพในตัวเองได้อย่างเต็มที่ และหลังจากได้ติดตามศึกษามาร่วมนับสิบๆ ปี ผู้เขียนก็เริ่มมองเห็นสารัตถะความจริงหลายประการ ที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจในวิชาโหราศาสตร์และการพยากรณ์ทั้งหลาย เผื่อว่าทุกท่านจะได้ตระหนักรู้ว่า การจะใช้วิชาโหราศาสตร์ให้เกิดผลอย่างจริงจังนั้น ท่านต้องรู้อะไรบ้าง และต้องทำอย่างไร จึงจะได้ผลตามที่คาดหวังไว้

และด้วยเหตุดังกล่าว ผู้เขียนจึงขอถือโอกาสใช้บทความสำหรับตอบคำถามนี้ ซึ่งผู้เขียนได้รับมอบหมายให้เป็นคนบรรยายเนื้อหาทั้งหมด เพื่อพยายามนำเสนอคำตอบแก่ทุกท่านที่สนใจจะใช้วิชาโหราศาสตร์ให้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้ที่ทำอาชีพด้านนี้หรือเป็นเพียงผู้ที่สนใจ ชอบไปปรึกษาหารือกับนักพยากรณ์เป็นปกติ ตลอดถึงท่านที่เพิ่งหันมาศึกษาเรียนรู้ในหลักวิชาอันหลากหลายภายใต้สาขาของศาสตร์แห่งการพยากรณ์นี้ เผื่อว่าจะได้ใช้เป็นข้อมูลประกอบในการศึกษาเรียนรู้ หรือแม้แต่การนำไปใช้งานจริง โดยผู้เขียนจะพยายามถ่ายทอดสุดความสามารถ จากประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาตลอดเวลาหลายสิบปี ทั้งนี้ก็ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าว่า ผู้คนในสังคมจะได้ประโยชน์จากวิชาโหราศาสตร์อย่างแท้จริง

มีสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนใคร่จะขอพูดถึงเป็นการเฉพาะ ก่อนที่ท่านจะเข้าไปอ่านบทความของผู้เขียน นั่นคือ ทุกเรื่องราวที่ผู้เขียนจะนำมาเสนอนี้ ให้ถือว่าเป็นเพียงข้อมูลความคิดเห็นส่วนบุคคลเบื้องต้น แม้ว่าบางส่วนจะมีการยกข้อความของผู้รู้ที่น่าสนใจ ก็ขอให้ถือว่าเป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูลแต่อย่างไร ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกคนได้สบายใจว่า ข้อมูลความรู้ที่จะได้ไปนั้น เป็นเหมือนการพูดคุยกันฉันเพื่อน มิมีอะไรที่มุ่งหมายจะต้องยืนยันข้อเท็จจริงกันอย่างเอาเป็นตาย ทั้งไม่ประสงค์การพิสูจน์ใดๆ ตามนโยบายของทางเว็บไซท์ดาวแปด ที่เน้นให้ผู้เขียนทุกท่านต้องบอกกล่าวไว้แก่ผู้อ่าน ซึ่งผู้เขียนก็เห็นด้วยตามนั้นอย่างเต็มที่ เอาเป็นว่าทุกสิ่งที่ผ่านตาท่านจากนี้ไปในบทความส่วนของผู้เขียน ก็ขอให้ถือเสียว่า เหมือนมีคนมาบอกเล่าเรื่องราวบางอย่างให้ฟัง สิ่งที่ท่านต้องทำ ก็แค่เพียงฟังหูไว้หู เผื่อประดับความรู้ไว้เท่านั้น

ส่วนท่านที่สนใจศึกษาเรียนรู้ในเรื่องของศาสตร์พยากรณ์เหล่านี้อย่างจริงจัง ผู้เขียนก็ยินดีที่จะเสนอแนะให้ท่านนำไปทดลองปฏิบัติ หรือใช้งานจริง เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่จะใช้ประโยชน์จากบทความของผู้เขียนได้อย่างจริงจัง ส่วนว่าเมื่อท่านได้ลองนำไปใช้แล้ว ได้ผลเป็นประการใด จะลองเมลล์มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันก็ยินดี และสำหรับท่านที่ชอบไปหาหมอดู เพื่อให้ช่วยทำนายทายทักชะตาชีวิตให้ เมื่อมาอ่านบทความของผู้เขียนแล้ว ก็หวังว่า จะเป็นเพียงการเพิ่มเติมข้อมูลใหม่ๆ ให้ท่านรับรู้ไว้ มิได้มีจุดประสงค์ที่จะเจตนาหยุดยั้งหรือห้ามปราม มิให้ท่านกระทำในสิ่งที่ชอบ ยิ่งไม่มีวัตถุประสงค์จะไปขัดขวางการประกอบอาชีพหรือการทำมาหากินของผู้ใดทั้งสิ้นด้วย

เพียงแต่ว่า ก่อนที่ท่านจะไปรับการพยากรณ์นั้น เมื่อได้ทราบข้อมูลที่ผู้เขียนนำเสนอให้ ท่านก็จะได้ทำใจเตรียมพร้อมไว้ระดับหนึ่ง เมื่อได้รับคำพยากรณ์ในทางที่ดี ก็จะได้ไม่ต้องตื่นเต้นดีใจจนเกิดเหตุ หรือเมื่อพบเจอกับคำพยากรณ์ในทางที่ไม่ดี ก็ไม่ต้องตื่นตระหนกเสียขวัญโดยใช่ที่ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ในดีมีเสีย ในเสียมีดี หรืออย่างที่เขามักจะพูดกันว่า ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสรอคอยอยู่ ดังนั้นทุกคำพยากรณ์ จึงเป็นเหมือนคำเตือนมากกว่า เพื่อให้เรารู้เส้นทางในการดำเนินไปของชะตาชีวิตในวันข้างหน้า บอกให้เรารู้ว่ามีอะไรบ้างที่รอคอยเราอยู่ เพื่อที่เราจะได้เตรียมพร้อมรับมือกับมันได้ด้วยความไม่ประมาทเท่านั้น

อนึ่ง คำตอบหรือบทความทั้งหมดที่ผู้เขียนจะถ่ายทอดนับจากนี้ไป ก็ขอให้ถือเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นฉันมิตรระหว่างกัน ผู้รู้ใดที่มีความคิดเห็นแปลกแยกแตกต่างออกไป ด้วยหลักแห่งเหตุแลผลที่ปราศจากอคติ ผู้เขียนก็ยินดีจะแลกเปลี่ยนพูดคุยด้วย โดยท่านสามารถติดต่อผ่านเข้ามาทางเว็บไซท์ WWW.DAOW8.COM แห่งนี้ รวมไปถึงบรรดาท่านที่มีข้อสงสัยกังขาในเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับศาสตร์พยากรณ์ทุกสาขา ก็สามารถส่งเมลล์สอบถามเข้ามาได้เช่นกัน โดยผู้เขียนจะพยายามค้นหาคำตอบที่น่าพึงพอใจ พร้อมด้วยเหตุผลและข้อมูลหลักฐานอ้างอิงประกอบมาช่วยไขข้อข้องใจของทุกๆ ท่านให้อย่างสุดความสามารถ

ติดตามรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ http://www.daow8.com/zone03/blg03/main.php