Sunday, October 17, 2010

กลไกกลกรรม

ความจริงแล้วกฏแห่งกรรม ก็ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร เพราะไม่ต่างจากฏเกณฑ์ทางกลศาสตร์ทั่วไปในเรื่องแรงกระทำและแรงปฏิกิริยา กล่าวคือ เมื่อมีแรงกระทำต่อสิ่งใด ก็จะมีแรงปฏิกิริยาสนองตอบกลับมาในทางตรงกันข้ามเสมอ ยิ่งแรงกระทำมีมาก แรงปฏิกิริยาที่สะท้อนกลับก็จะมากตาม กฏแห่งกรรมหรือการกระทำ ก็เป็นเช่นเดียวกันนั้น เมื่อท่านกระทำกรรมต่อผู้หนึ่งผู้ใด หรือต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็ย่อมได้รับผลของกรรมสนองตอบคืนกลับมา หนักเบาตามแรงของกรรมที่ท่านได้กระทำลงไปนั้น

เพียงแต่ที่อาจดูเหมือนซับซ้อนก็เพราะว่า มีเรื่องของผลกระทบจากสภาพแวดล้อมข้างเคียงเข้ามาร่วมประกอบ จากหลักความจริงที่ว่า ผูกพันเพียงหนึ่ง โยงใยนับอนันต์นั้น จึงทำให้การกระทำกรรมใดๆ ล้วนไม่มีผลกระทบในเชิงเดี่ยว แต่จะมีการกระทบกระเทือนต่อเนื่องกันไปเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ เหตุเพราะว่า แต่ละชีวิตนั้นมิได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง พวกเขาย่อมมีคนใกล้ชิดและญาติมิตร รวมไปถึงสัมพันธชนที่เขารู้จักมักคุ้น เมื่อกระทำกรรมต่อชีวิตเดียวจึงย่อมไม่ได้กระทบเฉพาะผู้ที่เรากระทำเท่านั้น แต่ย่อมส่งผลกระเทือนไปยังคนที่เกี่ยวข้องกับเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง และนี่เองที่ทำให้กรรมทั้งหลาย ล้วนมีสภาพเป็นสหกรรมโดยปริยาย

การเรียนรู้เรื่องกรรมจึงต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม ของการกระทำกรรมนั้นๆ ด้วย และต้องยอมรับความจริงที่ว่า เป็นเรื่องยากที่จะไม่กระทำกรรมใดๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม โดยเฉพาะในโลกยุคนี้ที่สังคมมีความซับซ้อน และเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์โยงใยกันไปหมด กระแสการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ทำให้การส่งผ่านข่าวสารข้อมูลระหว่างกันอย่างสะดวกรวดเร็ว ก็ล้วนมีผลให้การทำกรรมในสังคมโลกปัจจุบัน มีผมกระทบที่รุนแรงและรวดเร็วขึ้นกว่ายุคสมัยเดิมๆ เป็นอันมาก ดังนั้นการกระทำใดๆ ในยุคนี้ จึงดูเหมือนว่า ส่งผลกระทบไปในวงกว้าง ทำให้ผลของกรรมนั้นสะท้อนกลับมาอย่างรวดเร็วและเห็นผลทันตา

ยกตัวอย่างเช่น คนที่ฆ่าคนตายนั้น หากเป็นสมัยก่อน กว่าจะจับได้ก็คงยากลำบากไม่น้อย และส่วนใหญ่ก็อาจจะหลบหนีการจับกุมไปได้ เพราะสังคมและประชากรยังไม่แผ่กว้างเหมือนในปัจจุบัน ทำให้ยังมีสถานที่หลบซ่อนได้มาก รวมไปถึงเทคโนโลยีหรือวิทยาการในการสืบสวนสอบสวนก็ยังไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนในยุคนี้ แต่ถ้าเป็นในปัจจุบันโอกาสที่จะหนีพ้นก็มีได้น้อยกว่าเดิม แม้จะไม่ถึงกับไม่มี จึงทำให้ดูคล้ายกับว่า ฆาตกรผู้นั้นได้รับผลสนองของกรรมอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันเมื่อมีการพัฒนาวิทยาการไปมาก และสังคมก็เต็มไปด้วยการแข่งขัน จึงย่อมหลีกไม่พ้นที่จะเกิดความเครียดในหมู่ชน จนทำให้การก่ออาชญากรรมมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย

แน่นอนว่า การส่งผลของกรรมนั้น มิได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีหรือสภาพสังคมใดๆ ผู้ที่กระทำสิ่งใดไว้ย่อมหลีกไม่พ้นจากผลแห่งการกระทำของตน ที่ย้อนกลับมาตอบสนองไม่ช้าก็เร็ว และถ้าจะกล่าวกันตามตรง ก็ต้องบอกว่า การสนองผลของกรรมนั้นมีวงรอบที่แน่นอน ขึ้นกับความแรงของเจตนาในการกระทำ หากมีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะทำมาก ก็ย่อมทำให้เจตนามีกำลัง การกระทำกรรมลงไปด้วยเจตนาดังกล่าว ก็ย่อมได้รับผลของกรรมที่สนองตอบอย่างรุนแรงและรวดเร็ว คราวนี้จะขอยกตัวอย่างคนทำกรรมในแง่ดีบ้าง อาทิเช่น คนที่มุ่งมั่นตั้งใจขยันทำมาหากิน และรู้จักเก็บออม บริหารการใช้จ่ายอย่างเหมาะสม คนเหล่านี้ย่อมสามารถพบกับความสำเร็จ ในการยกฐานะของตนให้สูงขึ้นและมีความมั่งคั่งมั่นคงได้ในเวลาที่ไม่นานนัก ขึ้นกับกำลังของความมุ่งมั่นที่เขามีอยู่

ท่านจึงกล่าวว่า เจตนาหรือความตั้งใจในการกระทำ ก็คือตัวของกรรม และเป็นปัจจัยในการกำหนดผลของกรรมนั้นๆ ด้วย ในขณะเดียวกันหากมีคนหมู่มากเกิดมีเจตนาหรือความตั้งใจในการกระทำกรรมใดๆ สักอย่างหนึ่งแล้ว ผลของกรรมนั้นย่อมรุนแรงกว่าการกระทำด้วยคนเพียงคนเดียวเป็นธรรมดา และนี่เองที่เป็นที่มาของสหกรรม หรือกรรมหมู่ ที่กระทำด้วยคนมากกว่าหนึ่งคนขึ้นไป และเมื่อผลของกรรมย้อนกลับมาสนองแล้ว พวกเขาก็จะได้รับผลกรรมเหล่านั้นพร้อมๆ กันในเวลาเดียวกัน นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้กฏแห่งกรรมดูเหมือนซับซ้อน และยากที่จะคาดเดา ทั้งๆ ที่พื้นฐานของกฏเกณฑ์นี้ก็คือ ทุกการกระทำจะต้องได้รับผลของการกระทำสนองตอบอย่างแน่นอนเท่านั้น

จากที่บรรยายมาทั้งหมด คงจะพอทำให้ท่านทั้งหลายเห็นถึงความจำเป็นในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฏแห่งกรรมและการสนองผลของมัน เพราะดังที่กล่าวมาแล้วว่า ทุกชีวิตยากที่จะหลีกพ้นการกระทำกรรม เมื่อเกิดมาแล้วท่ามกลางสหสัมพันธ์ของสังคม และสภาพแวดล้อมรอบด้าน ทุกย่างก้าวจึงล้วนยากที่จะหลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งอื่นๆ และการเบียดเบียนซึ่งกันและกันก็เป็นธรรมชาติประการหนึ่งของโลกียะ แม้เรานั่งอยู่เฉยๆ ดูเหมือนไม่ได้ทำอะไร แต่เชื้อโรคหรือสิ่งมีชีวิตเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน ก็อาจกำลังกัดกร่อนร่างกายของเราไปทีละน้อย ขณะเดียวกันบางครั้งแค่เรานั่งฟังข่าว และนึกเกลียดชังหรือสาบแช่งผู้ใดไว้ในใจ นั่นก็เป็นการกระทำกรรมทางด้านความคิด หรือมโนกรรมไปเรียบร้อยแล้ว และกรรมเหล่านี้จะมากหรือน้อยก็ล้วนมีผลของมันรอตอบสนองเราอยู่ทั้งสิ้น ดังพุทธพจน์ที่กล่าวไว้ว่า อุจจาระแม้นิดหนึ่งน้อยหนึ่งก็มีกลิ่นเหม็น กรรมก็เช่นกันจะมากหรือน้อยก็ย่อมต้องมีผลตอบสนอง

จึงอาจกล่าวได้ว่าปัญหาที่มีอยู่ในชีวิตทั้งหมด ที่ดูเหมือนจะหาสาเหตุไม่ได้นั้น แท้ที่จริงก็ล้วนมาจากกรรมที่เราไม่ได้คาดคิดว่าได้กระทำลงไป เอาแค่กรรมปัจจุบันหรือกรรมในอดีตนับแต่เราเกิดมาในชาติปัจจุบันก็พอ ยังไม่ต้องเจาะลึกไปยังอดีตชาติที่ยากจะพิสูจน์ได้ เพราะเพียงแค่นี้ก็สามารถสร้างปัญหาความยุ่งยาก หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างมีนัยสำคัญทั้งสิ้น หนังสือเล่มนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อหาคำตอบสำหรับการขยายความในเรื่องของกรรมทั้งหลาย เป็นการเปิดโลกทัศน์ในแง่มุมที่หลากหลายมากขึ้น และช่วยให้ท่านผู้อ่านได้ตระหนักรู้และมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของกรรมได้อย่างกว้างขวางและมีความชัดเจน จนสามารถดำรงตนอย่างเหมาะสมต่อสถานภาพของตนในกาลต่อไป

ติดตามรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ http://www.daow8.com/zone03/blg02/main.php

No comments:

Post a Comment