Friday, August 27, 2010

มินตรา 1 : ปฐมปริศนา

เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในเรื่องผลกระทบต่อเรื่องราวหรือเหตุการณ์ใดๆ ในโลกแห่งความจริงปัจจุบัน เรื่องเล่าในตำนานแห่งมินตรานี้จึงขอใช้ฉากของโลก ที่อยู่ในจักรวาลคู่ขนาน หลังมหันตภัยพิบัติที่ทำลายล้างสภาพแวดล้อมของโลกอย่างรุนแรง ได้ผ่านพ้นไปแล้วในปี พ.ศ. 2562 ซึ่งได้ส่งผลให้ภูมิสภาพทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ชนิดที่แทบจะจดจำสภาพดั้งเดิมไม่ได้ เหตุการณ์ในท้องเรื่องเริ่มต้นขึ้นหลังจากโลกเริ่มเข้าสู่สภาพสมดุลย์อีกครั้ง นับจากมหาวิบัติภัยครั้งสุดท้ายได้จบสิ้นลงประมาณ 10 ปี และมีการรวมหลายประเทศเข้าด้วยกันเป็นสหพันธรัฐ เนื่องจากจำนวนประชากรที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งในสิบของสังคมโลกทั้งหมด ก่อนเกิดการทำลายล้างที่ผ่านมา รวมทั้งพื้นที่ของบางประเทศที่เหลือน้อยจนแทบจะคงความเป็นชาติเอาไว้ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ชนชาติที่อยู่ใกล้กัน มีประเพณีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกันจึงได้รวมกันเป็นประเทศอีกครั้ง โดยยังคงเขตพื้นที่ชนชาติเดิมเอาไว้ และมีการตั้งรัฐบาลกลางขึ้นมาปกครองดูแล

ในภูมิภาคที่ถูกใช้เป็นสถานที่ดำเนินเรื่องทั้งหมด จะอยู่ในเขตปกครองย่อยที่เรียกว่า อาคานียา ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ตั้งของเอเชียอาคเนย์ หรือเอเชียตะวันตกเฉียงใต้เดิม เพียงแต่บัดนี้ ผืนแผ่นดินใหญ่ได้แตกแยกออกเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยจำนวนมาก โดยมีพื้นทวีปใหญ่อยู่ลึกเข้ามาทางตอนเหนือของมหาทวีปเก่า ทำให้ชนชาติในพื้นที่แถบนี้หลายเผ่าพันธ์ได้รวมตัวกันขึ้นเป็นรัฐใหญ่แห่งหนึ่งที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลกลางที่อยู่ลึกขึ้นไปทางตอนเหนือ บริเวณชายแดนเดิมของมหาอำนาจจีนและรัสเซีย ซึ่งบัดนี้แผ่นดินได้แยกออกและยุบหายกลับกลายเป็นท้องน้ำกว้างใหญ่ไพศาลกางกั้นไว้ มลรัฐอาคานียาจึงถือเป็นเขตปกครองทางใต้ที่มีความสำคัญ ด้วยสภาพพื้นที่ติดชายฝั่งมหาสมุทรจึงกลายเป็นเมืองท่าสำคัญ ทำให้เกิดมหานครใหญ่ที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยหนาแน่น เพราะสภาพภูมิอากาศที่อบอุ่นกำลังดี ไม่หนาวเย็นเกินไปเหมือนพื้นที่ทางตอนเหนือ ซึ่งจะถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะเนิ่นนานกว่าหกเดือนในทุกปี

นครสีมาราเป็นเมืองท่าสำคัญที่ติดชายฝั่งทวีป มีท่าเรือน้ำลึกหลายแห่งตามแนวชายฝั่งที่เรียงรายเป็นแนวยาว ตัวเกาะต่างๆ ซึ่งเคยเป็นเขตเทือกเขาและที่ราบสูงเดิม ได้กลับกลายเป็นแนวป้องกันพายุและคลื่นทะเลที่รุนแรงเป็นอย่างดี ส่งผลให้น่านน้ำของสีมารามีความสงบเพียงพอและเหมาะสมจะเป็นท่าเรือน้ำลึกที่คึกคักและพลุกพล่านมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก การขนส่งทั้งหมดจะเริ่มต้นที่ท่าเรือแห่งนี้ ก่อนที่สัมภาระและสินค้าต่างๆ จะถูกลำเลียงขึ้นไปยังเขตปกครองทางตอนเหนือของมหาทวีปโบราณ จากเหตุปัจจัยทั้งหมดนี้ จึงส่งผลให้สีมารากลับกลายเป็นมหานครเมืองท่าสำคัญได้โดยไม่ยากเย็นนัก

มินตราเป็นร้านรับซื้อและจำหน่ายของโบราณ ตัวอาคารเป็นตึกแถวขนาดสามคูหา ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมของถนนแห่งหนึ่งในเขตชานเมืองของสีมารา ถัดขึ้นไปทางตอนเหนือใกล้ชายเขตของนครศรีภูมิ เจ้าของร้านปัจจุบันเป็นชายวัยกลางคนที่มีนามว่า ชินกร อดีตนักวิชาการด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยมีชื่อในเขตพื้นที่นี้ ซึ่งปัจจุบันได้ถูกกลืนหายไปในท้องน้ำกว้างเรียบร้อยแล้ว ชินกร หรืออาจารย์ชิน จึงกลับมาที่บ้านเดิมของตนและได้ร่วมกับบุคคลลึกลับผู้หนึ่งที่ใช้ชื่อว่า วรทิน เขาเป็นคนเสนอแนะกิจการค้าของโบราณ พร้อมร้านมินตราแห่งนี้ให้ มันเหมือนจะเป็นร้านที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ชินกรไม่แน่ใจว่าเคยเห็นร้านนี้ในที่ตั้งปัจจุบันของมันมาก่อน ตอนที่เขามาถึงครั้งแรกนั้น มันเหมือนกับเป็นการเดินทางเข้ามาสู่กาลเวลาแห่งอดีตอันยาวไกล หลังจากก้าวย่างเข้าสู่ภายในตัวอาคารที่ตั้งร้านแห่งนี้ในครั้งแรก

จากนั้นมาชินกรก็ได้รับรู้เรื่องราวจากความทรงจำอันเร้นลับของร้าน ผ่านการถ่ายทอดและคำบอกเล่าของวรทิน อาจารย์ชินจึงตัดสินใจใช้ชีวิตบั้นปลายที่ร้านโบราณแห่งนี้ เพราะมันสอดคล้องกับภูมิความรู้ที่เขาศึกษาค้นคว้ามาตลอดชีวิต พร้อมกับแผนการอันยิ่งใหญ่ที่รอคอยพวกเขาอยู่ วรทินหายไปเนิ่นนานเกือบปี แล้วเขาก็กลับมาพร้อมกับชายหนุ่มชาวเขาจากที่ราบสูงทางตอนเหนือของอาคานียา เขามีชื่อว่า ทียอ เป็นคนอารมณ์ดี แม้จะผอมสูงแต่ก็แข็งแรงว่องไว ท่าทีกระฉับกระเฉงและขยันขันแข็ง ที่สำคัญเขามีฝีมือทางงานช่างเกือบทุกชนิด ทั้งยันเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ทียอได้กลายเป็นเพื่อนร่วมงานคนสำคัญของชินกรนับแต่นั้นเป็นต้นมา ขณะที่วรทินจะไปๆ มาๆ บางครั้งก็หายหน้าหายตาไปหลายเดือน และในค่ำคืนหนึ่งเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทางเข้าร้านพร้อมมวนบุหรี่ประหลาดในมือที่ไม่เคยถูกจุดสูบ ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ ชินกรที่เข้านอนไปแล้วต้องลงมาตามเสียงออดที่ดังติดต่อกันหลายครั้ง วรทินบอกให้เขารีบแต่งตัวเพื่อออกไปข้างนอก เพราะเวลาที่รอคอยได้มาถึงแล้ว ชินกรก็รีบไปกระทำตาม พอออกมาอีกทีก็พบว่า ทียอได้ขับรถตู้ของร้านมาจอดรออยู่ที่ริมถนนด้านข้างตัวร้านเรียบร้อย แล้วทั้งหมดก็ออกเดินทางไปเพื่อสานต่อวงจรแห่งชะตากรรมทั้งหมดให้ครบรอบสมบูรณ์อีกครั้ง

เรื่องราวของมินตรา แก็งค์กวนป่วนวิญญาณ จึงได้เริ่มต้นขึ้นจากการเดินทางครั้งสำคัญนี้ ผู้เขียนรู้สึกยินดีและสนุกกับเนื้อหา โครงเรื่อง และบทบาทลีลาของตัวละคร ที่ชวนตื่นตาตื่นใจ และมีมุกตลกสนุกสนานด้วยอารมณ์ขันที่แซมซ้อนอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ท่ามกลางการผจญภัยที่สุดแสนจะตื่นเต้นเร้าใจ เต็มไปด้วยฉากเหตุการณ์ที่น่าประหวั่นพรั่นพรึน พร้อมการดำเนินเรื่องที่เข้มข้นกระชับฉับไว ซึ่งเป็นแนวที่ผู้เขียนชื่นชอบและถนัดอยู่แต่เดิมแล้ว จึงน้อมรับข้อเสนอในงานประพันธ์ชิ้นนี้ด้วยความเต็มใจ หลังจากที่ได้รับมติเป็นเอกฉันท์จากเพื่อนร่วมชมรมทั้งหมด ด้วยเหตุนี้จึงต้องขอออกตัวในที่นี้ว่า งานเขียนชุดนี้มิใช่ผลงานของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ทว่าต้องถือเป็นผลงานร่วมของกลุ่มเพื่อนที่ได้ช่วยกันระดมสมอง สร้างพล็อตหรือโครงเรื่องให้ โดยเฉพาะน้องปฐวิภาจากเว็บไซท์ firenine และพี่วิฬาร์นิล เพื่อนร่วมทีมในชมรมหนังสือดาวแปดนี้ ต้องถือว่าทั้งสองท่านเป็นผู้ที่เป็นกำลังสำคัญในการรังสรรค์ให้หนังสือนวนิยายเรื่องนี้ สำเร็จเป็นเรื่องราวครบถ้วน ให้ท่านผู้อ่านได้ร่วมเพลิดเพลินไปพร้อมๆ กับพวกเราทุกคน และจากนี้ไปก็ขอเชิญทุกท่านพบกับภาคแรกของมินตรา แก็งค์กวนป่วนวิญญาณ ในชื่อภาคว่า ปฐมปริศนา หรือ The Primary Riddle ได้ ณ.บัดนี้

ติดตามรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ http://www.firenine.com/zone12/blg03/main.php

1 comment:

  1. ความจริงแล้วชื่อเต็มของเรื่องก็คือ มินตรา แก๊งค์กวนป่วนวิญญาณ หลายคนถามมา ขอบอกว่าเรื่องเดียวกันครับ

    ReplyDelete