Wednesday, April 20, 2011

ประหนึ่งจะถึงฝั่งฝัน

บทความชุดนี้อาจถือได้ว่า เป็นงานประพันธ์แนวธรรมญาณ ที่เดินเรื่องในรูปแบบของการถาม-ตอบหรือปุจฉา-วิสัชนา โดยการรวบรวมคำถามจากบรรดาเพื่อนสมาชิกที่ได้ถามไถ่พูดคุยกันผ่านเข้ามาในหลายช่องทาง ทั้งทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การคุยผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่การได้พบปะพูดคุยกันต่อหน้าโดยตรง โดยคำถามทั้งหลายนั้นล้วนได้ส่งตรงถึงคณาจารย์ผู้รู้ทั้งหลาย ซึ่งได้ให้ความกรุณาผ่านธรรมญาณเป็นคำอรรถาธิบายเข้ามาให้ทางเว็บไซท์ firenine เพื่อนำมารวบรวมเรียบเรียงนำเสนอต่อเพื่อนสมาชิกผู้อ่านโดยถ้วนหน้า ผ่านการนำเรียนในนามของ ญาณธรรม ซึ่งเป็นคำเรียกหาแบบรวมๆ ของเหล่าคณาจารย์ทั้งหลาย โดยไม่ได้ชี้เฉพาะเจาะจงไปยังคณาจารย์ผู้รู้ท่านหนึ่งท่านใดเป็นการเฉพาะ

เนื่องด้วยการเรียนรู้สัจจะธรรมความเป็นจริงทั้งหลายนั้น จะต้องเน้นที่การให้ความรู้ความเข้าใจ เพื่อสร้างเสริมปัญญาญาณให้ก่อเกิด จนสามารถทำความเข้าใจในธรรมทั้งหลายตามความเป็นจริงอย่างครบถ้วนสมบูรณ์รอบด้าน ไม่เลือกเรียนเลือกรู้เฉพาะแง่มุมใดแง่มุมหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การจะไขความกระจ่างให้ประจักษ์แจ้งแก่จิตของผู้เรียน จึงต้องผ่านการถามตอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องมัวเกรงอกเกรงใจกัน หรือมัวห่วงกังวลลังเล กลัวนั่นเกรงนี่ ให้เสียเวลาไป เมื่อมีความสงสัยในธรรมใด จึงต้องกล้าที่จะถามออกไปโดยไม่ครั่นคร้ามหรือห่วงว่าจะเป็นบาปกรรมหรือไปลบหลู่ผู้ใด ในฝั่งผู้ตอบก็จะต้องไขความกระจ่างตามจริง ไม่บิดเบือนอ้อมค้อม เป็นการมุ่งตรงเข้าสู่จิตของทั้งสองฝ่าย จนอาจกล่าวได้ว่า เป็นเรื่องของจิตสื่อถึงจิตโดยตรงนั่นเอง

ในขณะเดียวกันเมื่อผู้เรียนได้รับคำตอบไปแล้ว ก็จะต้องไม่หยุดที่จะเชื่อหรือยอมรับโดยทันทีทันใดนั้น แต่ต้องนำไปพิจารณาใคร่ครวญ โดยการพยายามที่จะหาข้อโต้แย้งมาหักล้างคำตอบเหล่านั้นอย่างเต็มที่ โดยอาศัยหลักการที่ว่า "ความจริงย่อมทนทานต่อการพิสูจน์" ดังนั้น หากคำตอบที่คณาจารย์บอกกล่าวไปเป็นสัจจะธรรมที่แท้ ก็ย่อมจะทนต่อการโต้เถียงได้โดยไม่เกิดการบิดเบือนเปลี่ยนแปลงแต่อย่างไร ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงความเข้าใจในธรรมอย่างถ้วนทั่วกระจ่างแจ้งอย่างแท้จริง การถามตอบจึงเป็นแนวทางจำเป็น ที่ถือได้ว่าเป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจในธรรมอย่างชัดแจ้งด้วยตัวของตนเอง ขอให้จำไว้ว่า ไม่มีคำถามใดไร้สาระ ทุกคำถามจะต้องได้รับคำตอบที่เหมาะสม ไม่มีการตัดสินผิดถูกใดๆ ทั้งสิ้น

ดังนั้นแม้ว่าในช่วงต้นๆ อาจเป็นไปได้ที่คำถามอาจยังไม่มุ่งตรงไปสู่เนื้อหาแก่นสารสาระของธรรมญาณโดยตรง ทำให้คำถามที่ต้องการคำตอบส่วนใหญ่ จะเป็นไปเพื่อปลุกปลอบให้ตนเองสามารถใช้ชีวิตและดำรงอยู่ในโลกใบนี้ได้ ถามหาความสุข ความร่ำรวย โชคลาภ อำนาจวาสนา บารมี รวมไปถึงการรักษาเพื่อทรงไว้ซึ่งความปรารถนาเหล่านั้น ความไม่รู้และการหลงยึดติด กับดักความสุขอันจอมปลอมในโลก กระทั่งคำถามตอบเริ่มนำไปสู่การตระหนักในความจริงที่แท้ว่า ความสุขที่แท้บนโลกใบนี้มันหาได้มีอยู่จริงไม่ มันล้วนแปรปรวนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เดี๋ยวทุกข์เดี๋ยวสุขสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปมา ความสุขจอมปลอมที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว อยากยึดและหยุดความสุขนี้ไว้ที่เราตลอดไป แต่สุดท้ายกลับยึดไว้ไม่ได้แม้เพียงสักครั้งเดียว ด้วยกฏหลักของ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา หรือไตรลักษณ์ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ ก่อเกิดเป็นสภาวะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ที่ไม่มีใครหนีพ้น ตราบใดที่ยังต้องดำรงอาศัยอยู่ในโลกแห่งนี้ ท้ายสุดแล้วคำถามคำตอบทั้งหลายก็จะเริ่มถูกเบี่ยงเบนไปสู่แนวทางแห่งความจริงแท้มากขึ้นทุกขณะ จนกลายเป็นทางด่วนสายตรงที่มุ่งสู่ความหลุดพ้นในที่สุด

ด้วยเหตุนี้ทุกคำถามคำตอบทั้งหมดที่จะนำมาเสนอไว้ในบทความชุดนี้ แท้จริงแล้วก็จะเป็นเหมือนเรื่องราวของคนธรรมดาทั่วไป ซึ่งอาจหาญต่อกรกับความยึดมั่นคุ้นชินที่เคยสะสมมีมา ตลอดทั้งชีวิตจากเล็กจนเติบใหญ่ ที่ต้องผ่านการล้มลุกคลุกคลาน ผ่านมรสุมชีวิตมามากมาย โดยผ่านการถ่ายทอดร้อยเรียงเป็นเรื่องราว เพื่อไว้สอนใจและตักเตือนตัวของแต่ละคนเมื่อต้องหลงทาง เข้าไปหลงใหลได้ปลื้มในวังวนกลไกของกระแสโลก จากจุดเริ่มการเดินทางที่ไร้จุดหมาย เฝ้าถามทาง เพื่อเดินไปให้ถึงฝั่ง ฝั่งที่ไม่ใช่เพียงแค่ฝันแต่เป็นความจริง เป้าหมายคือการกลับบ้าน บ้านเดิมของจิตเดิมแต่ละคน ที่สมบูรณ์พร้อมประภัสสรอยู่ที่นั่น การเรียนรู้ธรรมญาณ สำหรับทุกคนจึงเปรียบดั่งเข็มทิศนำทางในการล่องเรือไป ท่ามกลางท้องทะเล ที่เต็มไปด้วยคลื่นลมยากจะหนีพ้น บ่อยครั้งที่พายุฝนจะโหมกระหน่ำ จนทำให้เรือโคลงเคลงออกนอกเส้นทาง แต่อย่างน้อยยังอุ่นใจได้ว่า ทุกคนจะยังมีเข็มทิศช่วยนำทางแล่นเรือมุ่งตรงสู่ฝั่ง เพื่อหวนคืนสู่บ้านได้อย่างแน่นอน หากแม้นเปรียบชีวิตดุจดังความฝัน ฟากฝั่งที่เรากำลังมุ่งหน้าตรงไปนั้นก็คือ ฟากฝั่งแห่งฝันที่เราจะได้ไม่ต้องฝันอีกต่อไป

บทนำนี้จึงถือได้ว่า เป็นความจำเป็นที่จะต้องเขียนขึ้น นอกจากจะเป็นความพยายามที่จะสื่อสารให้ท่านผู้อ่านพอจะตามทันได้ว่า ทำไมจึงใช้ชื่อชุดบทความว่า "ประหนึ่งจะถึงฝั่งฝัน" จากที่บรรยายความมาข้างต้น ก้อเชื่อได้ว่าน่าจะพอช่วยให้ท่านผู้อ่านสามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยาก ความจำเป็นอีกส่วนหนึ่งก็คือ เป็นการทำความเข้าใจให้ตรงกันกับเพื่อนผู้อ่านทุกท่านว่า บทความนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรกันแน่ และเนื่องจากเป็นเรื่องของการประจักษ์ธรรมญาณดังที่ได้เกริ่นนำไว้ข้างต้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องไตร่ตรองใคร่ครวญให้รอบครอบ ก่อนจะเผยแพร่บทความออกไป จึงทำให้อาจต้องใช้เวลาค่อนข้างยาวนานไปบ้าง บทนำนี้จึงถือเป็นเหมือนสาส์นนำร่องสำหรับบทความชุดนี้ เพื่อเกริ่นนำให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบความเป็นมาเป็นไปเป็นการเบื้องต้น ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาสาระที่แท้จริง ท้ายนี้ก็ต้องขอแสดงคารวะธรรมและกล่าวคำสำนึกขอบคุณท่านคณาจารย์ผู้รู้ทั้งหลาย สำหรับทุกคำสั่งสอน ทุกเหตุการณ์เรื่องราว ทุกคำอรรถาธิบาย ที่ทำให้พวกเราได้ค้นพบคำตอบของสัจจะที่แท้ในชีวิตของตัวเอง

ติดตามอ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ http://www.firenine.com/zone10/blg01/main.php

No comments:

Post a Comment