Monday, January 10, 2011

Zerloss chain 1 : สงครามอัฐราศี

หลังจากที่มนุษย์กลุ่มหนึ่งจากดาวเคราะห์โลก ได้ดั้นด้นเดินทางมาบุกเบิกอาณานิคมแห่งใหม่ที่ระบบสุริยะโทรัลแห่งนี้ พวกเขาลงหลักปักฐานที่ดาวเมย์ทรานเป็นแห่งแรก เพราะเป็นดาวที่มีระบบนิเวศน์และสภาพแวดล้อมใกล้เคียงโลกมนุษย์ที่ทุกคนจากมามากที่สุด หลังจากหนึ่งร้อยปีผ่านไป ด้วยเทคโนโลยีระดับดาวเคราะห์ มนุษย์กลุ่มนั้นก็สามารถปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทั้งหมดของดาวเมย์ทรานให้เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยของพวกตนอย่างสมบูรณ์

ชาวเมย์ทรานได้แผ่ขยายเผ่าพันธ์ของตนออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงช่วงห้าร้อยปีแรก พวกเขาก็สามารถปรับเปลี่ยนดาวเคราะห์ในระบบสุริยะแห่งนั้นอีกหลายดวง จนมีสภาพที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัย รวมทั้งบรรดาดวงจันทร์อีกนับร้อย ที่เป็นบริวารของดาวแก๊สยักษ์จำนวนสี่ดวงในระบบโทรัลนั้นด้วย หลังเวลาหนึ่งพันปี กลุ่มผู้บุกเบิกก็สามารถยึดครองระบบสุริยะทั้งหมดไว้ในครอบครอง มีการทำสงครามแย่งชิงทรัพยากรและดวงดาวกันอยู่หลายครั้ง ระหว่างกลุ่มดาวที่ถูกกดขี่และยากจนกับชนชั้นปกครองที่มั่งคั่ง เมื่อแรงกดดันถึงจุดหนึ่ง พวกนั้นก็รวมตัวกันขึ้นเป็นกองกำลังจากกลุ่มย่อยเป็นกลุ่มใหญ่ และเข้าทำสงครามกับกองทัพของรัฐบาลแห่งดาวศูนย์กลางเมย์ทราน สงครามที่รุนแรงและหฤโหดครั้งสุดท้าย เพิ่งสิ้นสุดไปได้ไม่ถึงห้าสิบปีที่ผ่านมา โดยรู้จักกันในนามยุทธการดาวแซนโทร ซึ่งเป็นดาวแก๊สขนาดยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดของระบบสุริยะโทรัล

สงครามยุติลงด้วยความบอบช้ำทั้งสองฝ่าย ไม่มีผู้แพ้และผู้ชนะ สุดท้ายจึงต้องจบลงด้วยการลงปฏิญญาร่วมกันโดยตั้งเป็นสภาปกครองกลางที่มีสมาชิกจากทุกฝ่ายเข้ามาร่วมบริหาร และมีการออกบทบัญญัติกฏหมายและระเบียบวิธี ในการบริหารจัดการทรัพยากรร่วมกัน ด้วยความเป็นธรรมและทั่วถึง หลังจากนั้นมาชาวโทรัลก็เข้าสู่ยุคแห่งสันติภาพมาโดยตลอด กระทั่งมีการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีการขนส่งที่ล้ำสมัยถูกคิดค้นขึ้น มันทำให้ระบบขนส่งมวลสารแบบเดิมกลายเป็นวิทยาการที่ล้าหลังและตกยุคไปทันที ด้วยระดับของความรวดเร็วในการส่งผ่านมวลสารปริมาณมากในระยะทางอันไกลโพ้น ซึ่งได้ช่วยจุดประกายความหวังของชาวโทรัลทุกคนที่คิดถึงบ้านที่ตนจากมา มันทำให้พวกเขาเริ่มมองเห็นหนทางที่จะไปมาหาสู่กับญาติมิตรของตนที่ดาวโลกได้สะดวกขึ้น รัฐบาลกลางจึงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อกลุ่มเครือข่ายแมสเทล ที่เป็นบรรษัทใหญ่ผู้ให้บริการขนส่งมวลชนระบบใหม่นี้ โดยตั้งเป้าไว้ว่า หากประสบความสำเร็จ ก็จะทำให้การเดินทางกลับไปยังดาวโลกมีความรวดเร็วมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลากระโจนข้ามอวกาศชั้นสูงเป็นระยะๆ เหมือนที่ผ่านมา และยังสามารถลดเวลาลงจากแรมเดือนเป็นเพียงไม่กี่นาที

ทว่าในท่ามกลางความยินดีของผู้คนกับข่าวดีดังกล่าว พลันปรากฏนักฟิสิกส์มิติอวกาศท่านหนึ่งนาม ศาสตราจารย์ฌอน เซอร์ลอส ได้ออกมาคัดค้านด้วยทฤษฎีเซอร์ลอสเชนของเขา ซึ่งมีผลการคำนวณยืนยันว่า มิติอวกาศชั้นสูงที่ยอมให้มนุษย์ใช้ได้นั้นมีจำนวนจำกัด และหากข้ามพ้นเขตอวกาศวิกฤตตามทฤษฎีไปแล้ว ก็เสี่ยงที่จะเข้าไปแทรกแซงกับมิติภาวะของชีวพลังงานระดับสูงอื่นๆ ซึ่งรู้จักกันมานานในตำนานแห่งปีศาจและทวยเทพ ศ.ฌอน จึงเตือนให้รัฐบาลทำการทบทวนการอนุมัติให้กลุ่มแมสเทลดำเนินการต่อ เพราะจากการประเมินของนักฟิสิกส์หลายกลุ่มเชื่อว่า มิติภาวะที่กลุ่มแมสเทลจะใช้ในการเดินทางข้ามไปนั้น ได้เลยแถบมิติวิกฤตตามทฤษฎีไปแล้ว จึงทำให้เกิดการแตกแยกออกเป็นสองฝ่าย โดยฝ่ายที่เข้าข้างกลุ่มแมสเทล ก็เชื่อว่าเรื่องของปีศาจและทวยเทพนั้นล้วนเป็นเพียงตำนานไร้สาระ ไม่มีจริง การข้ามไปสู่มิติภาวะชั้นสูงนั้นแม้จะมีความเสี่ยงในเรื่องของเสถียรภาพของพลังงานอยู่บ้าง แต่ยังอยู่ในวิสัยที่ควบคุมได้ โดยกลุ่มนี้ได้เสนอให้มีการทดลองใช้เป็นเวลาหนึ่งปี ในการขนส่งสิ่งของที่ไม่ใช่ผู้คน เพื่อทำการปรับเปลี่ยนค่าตัวแปรของคลื่นพลังงานให้เหมาะสม สุดท้ายรัฐบาลกลางก็ยอมตาม โดยการอนุมัติของสภาผู้ปกครองร่วม

ผลการทดสอบปรากฏว่า ไม่มีผลกระทบร้ายแรงใดๆ ดังที่ทฤษฎีของศ.ฌอนทำนายไว้ ในที่สุดจึงมีการเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ จากนั้นมาศ.ฌอนจึงเริ่มเก็บตัวเงียบ เพื่อเตรียมแผนตอบรับ เขาลาออกจากสถาบันการศึกษาที่สอนอยู่ และกลับไปอยู่ที่บ้านในดวงจันทร์บริวารของดาวเมย์ทราน เพื่อเริ่มต้นการศึกษาอย่างจริงจังในการเชื่อมโยงสื่อสารกับชีวพลังงานที่อยู่ในมิติที่ลึกเข้าไป จนสามารถรับถ่ายทอดวิทยาการในการปลูกถ่ายพันธุกรรมพิเศษเข้าสู่สายพันธ์ของมนุษย์ เพื่อเตรียมสร้างกองกำลังไว้รับมือกับวิกฤตการณ์ที่กำลังจะตามมา โดยศ.ฌอนได้ลอบทดลองกับคนจรจัดจำนวนหนึ่ง ที่ยอมแลกกับอาหาร การทดลองในช่วงต้นนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ และได้ทำให้ผู้ทดลองเสียชีวิตและพิกลพิการไปเป็นจำนวนมาก กลุ่มแมสเทลจึงใช้โอกาสนี้จัดการกับศ.ฌอน ในคืนก่อนที่เขาจะถูกบุกจับกุมตัวนั้น เขาได้ค้นพบสูตรสำเร็จใหม่ จึงตัดสินใจทำการปลูกถ่ายให้บุตรชายหญิงทั้งสองของตน และส่งให้ไปอยู่ในความดูแลของเพื่อนสนิทที่เป็นคนของรัฐบาล ส่วนตัวเขาเองถูกจับตัวในฐานะอาชญากรร้ายแรง และถูกตัดสินให้เนรเทศไปอยู่ที่ดาวร้างเนฟคอนส์

การใช้งานระบบขนส่งแบบใหม่ที่รวดเร็วทันใจ ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นเป็นเวลาร่วมสิบปี ทำให้ผู้คนล้วนลืมเลือนคำทำนายในทฤษฎีเซอร์ลอสเชนไปจนหมดสิ้น พอๆ กับข่าวคราวของศ.ฌอน ที่ถูกเนรเทศไปยังเขตกักกันอาชญากรสำคัญที่เนฟคอนส์ ก็คล้ายจะเงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่า ศ.ฌอนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ขณะที่ชาวโทรัลก็พากันใช้ชีวิตประจำวันไปตามปกติ โดยที่ไม่มีใครคาดคิดว่า มหาวิบัติภัยอันยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง เมื่อห่วงโซ่ทั้งหมดใกล้จะเคลื่อนเข้ามาเชื่อมโยงถึงกัน อีกทั้งโครงการที่จะทำการนำระบบขนส่งนี้เดินทางกลับไปติดตั้งที่ระบบสุริยะของดาวโลกในรูปแบบของสตาร์เกท ก็ใกล้จะเป็นจริงมากขึ้นทุกขณะ อะไรจะเกิดขึ้นนับตั้งแต่นี้ไป หรือมันจะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งมหาวิบัตภัยล้างจักรวาลครั้งใหญ่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

ติดตามอ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ http://www.daow8.com/zone07/blg02/main.php

No comments:

Post a Comment