Thursday, September 16, 2010

สนทนายามสายันต์

คงเป็นสิ่งที่ปฏิเสธได้ยากว่า แม้แต่ในยุคปัจจุบันที่วิทยาศาสตร์มีความเจริญก้าวหน้าไม่หยุดนิ่ง โดยดูได้จากวิทยาการหรือเทคโนโลยีต่างๆ ที่ได้รับการพัฒนาออกมา ในรูปแบบของอุปกรณ์เครื่องใช้ ที่ล้วนเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของพวกเราอย่างไม่อาจจะแยกออกจากกันได้ หรืออาจกล่าวอีกนัยก็คือไม่สามารถขาดได้นั่นเอง แต่ถึงกระนั้น คำถามทั้งหลายเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย หรือเรื่องราวของโลกวิญญาณ ก็ยังคงไร้คำอธิบายที่ชัดเจนแบบเป็นรูปธรรม หรือที่เรียกได้ว่า ไม่เป็นที่ยอมรับในแวดวงของวิทยาศาสตร์ จนถึงขั้นที่อาจปฏิเสธไปเลยด้วยซ้ำว่า เรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่วิทยาศาสตร์

มันเป็นการง่ายที่จะขจัดสิ่งที่ตนเองไม่สามารถทำความเข้าใจ หรือหาคำอธิบายที่เหมาะสมด้วยบริบทแห่งทฤษฎีที่ตนเองยึดถืออยู่ แต่มันยากกว่าที่จะทำใจเป็นกลาง และเปิดใจกว้างออกยอมรับข้อมูลเหล่านั้นมาประกอบการพิจารณา หากทฤษฎียังไม่สามารถอธิบายได้ในปัจจุบัน ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีคำอธิบายที่มีเหตุผลในอนาคต เมื่อทฤษฎีก็เป็นเพียงแนวคิดล่าสุด ที่ถูกใช้ในการอธิบายสิ่งต่างๆ ที่ทฤษฎีรองรับได้ และเป็นที่ยอมรับของผู้คนในวงการ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ใช่ความจริงอันสมบูรณ์หรือสัจจะขั้นสุดยอดที่จะไม่ถูกแปรเปลี่ยนอีกต่อไป ดังนั้นการยึคติดอยู่กับสิ่งที่ตนเชื่อถือ แล้วปฏิเสธสิ่งที่ตนไม่เข้าใจ จึงง่ายกว่าในแง่ของการกำจัดปัญหาออกไป แต่มันไม่ก่อประโยชน์ใดๆ ทั้งต่อตัวของคนที่มีความคิดเช่นนั้น หรือต่อคนอื่นโดยส่วนรวมทั้งหลาย

การเปิดใจยอมรับว่า สิ่งที่ไม่อาจหาคำอธิบายได้อย่างเป็นรูปธรรม ก็เป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มข้อมูลที่จะถูกนำมาพิจารณาหรือเรียนรู้อย่างจริงจังต่อไป หาใช่สิ่งที่ไร้สาระโดยสิ้นเชิง ผ่านการตัดสินจากแค่เพียงความไม่รู้ของตนเองเท่านั้น การทำใจเป็นกลางๆ ไม่จำเป็นต้องเชื่อ แต่ก็ไม่ถึงกับสรุปลงไปตายตัวว่าไม่เชื่อ ขอเพียงทำใจสบายๆ และเปิดกว้างออกรับรู้ข้อมูลและประสบการณ์ที่จะผ่านเข้ามาจากการทดสอบทดลองสารพัดวิธีอย่างมีระบบ ผู้เขียนก็เชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วท่านย่อมจะได้รับทราบข้อเท็จจริงด้วยตัวเองตามสมควร

แต่จะอย่างไรก็ตาม บทความนี้คงมิได้มีจุดประสงค์ที่จะนำเสนอวิถีทางพิสูจน์ในเรื่องราวใดๆ ที่วิทยาศาสตร์ยังไม่ให้การยอมรับอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะเรื่องของชีวิตหลังความตาย หรือที่รู้จักกันในนามของโลกวิญญาณ ซึ่งคนส่วนใหญ่เชื่อกันว่า เป็นที่ดำรงอาศัยอยู่ของเหล่าภูติผีปีศาจ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันสยดสยอง น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง เป็นที่หวาดกลัวของบรรดาผู้คนในโลกมนุษย์แม้ในยุคที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าล้ำยุคถึงเพียงนี้ สาเหตุหนึ่งที่น่าจะเป็นข้อสังเกตุก็คือ ความหวาดกลัวทั้งหลายทั้งปวงที่ผู้คนมีต่อเรื่องของโลกวิญญาณนั้น ก็ล้วนมาจากความไม่รู้ หรือการไม่มีข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับโลกวิญญาณ ตลอดถึงความเป็นอยู่ของพวกเขาในโลกเหล่านั้น นี่จึงน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญ ที่อยู่เบื้องหลังความหวาดกลัวของผู้คนทั้งหลายนั้น

จุดประสงค์ของบทความนี้ จึงต้องการจะเป็นอีกหนึ่งช่องทาง หรือปากเสียงที่จะสื่อความถ่ายทอดเรื่องราวบางแง่บางมุมของโลกวิญญาณมาให้ท่านผู้อ่านที่สนใจได้รับรู้ แต่เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งใดๆ ที่อาจจะมีขึ้นจากกรอบของคติความเชื่อใดๆ ในสังคม ผู้เขียนจึงจำต้องนำเสนอไว้ในรูปของนวนิยาย ในแนวเรื่องเล่า ผ่านพิธีกรผู้จัดรายการ Twillight Talk หรือ สนทนายามสายันต์ ที่ถ่ายทอดตรงมาจากโลกวิญญาณ เชิญทุกท่านได้ติดตามไปกับการดำเนินรายการของ เอิร์นนิ่ง เฮลล์ พิธีกรคนดังจากดินแดนหลังความตาย ตามเขาไปรับรู้เกี่ยวกับความเป็นอยู่ และบทบาทที่พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกแห่งชีวิตก่อนความตาย ที่เราท่านอาศัยอยู่

อนึ่ง เพื่อความสบายใจของท่านผู้อ่านทุกชาติศาสนา ผู้เขียนจึงต้องขอออกตัวว่า เรื่องเล่าเหล่านี้เป็นเพียงเนื้อหาสำหรับเสพเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาใดๆ ที่จะก้าวล่วงหลักธรรม ปรัชญา หรือคติความเชื่อของลัทธินิกายใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้ทุกท่านได้โปรดทำความเข้าใจกันตามนี้ เพื่อที่ท่านจะได้ร่วมติดตามการดำเนินรายการของพิธีกรคนดังได้อย่างเปี่ยมอรรถรส และสามารถดื่มด่ำกับทุกบรรยากาศ และความรู้สึกได้อย่างเต็มที่ โดยไร้กรอบข้อจำกัดหรือขีดขั้นใดๆ อันอาจจะขัดขวางความบันเทิงที่พึงมีพึงได้โดยไม่จำเป็น

การดำเนินรายการของเอิร์นนิ่ง เฮลล์ ถูกวางไว้ในหลากหลายลีลา ทำให้รายการสนทนายามสายันต์นั้น ปิ่มๆ จะเข้าข่ายของรายการวาไรตี้โชว์ เพียงแต่จะเน้นไปที่เรื่องราวสยองขวัญสั่นประสาท ในมุมมองของผู้อ่านชาวมนุษย์ ซึ่งสำหรับชาวโลกวิญญาณแล้ว เรื่องเล่าเหล่านี้ก็ไม่ต่างจากการพูดคุยเรื่องราวในชีวิตประจำวันของพวกเขาเท่านั้น หาได้มีความประหลาดพิสดารใดๆ ดังนั้น ในบางแง่มุมของรายการจึงอาจปรากฏอารมณ์ขันแบบชาวโลกวิญญาณ ซึ่งท่านผู้อ่านอาจจะไม่รู้สึกตามไปด้วย ก็มิเป็นไร เพราะจุดประสงค์ของผู้เขียนและผู้จัดทำรายการดังกล่าวนั้น ต้องการเพียงนำเสนอเรื่องราวในมุมมองจากซีกฝั่งของชีวิตหลังความตายบ้าง เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่ทุกท่านยังไม่คุ้นเคย เลยพาลไม่เข้าใจ หรือไม่กล้าที่จะทำความเข้าใจกันไปด้วยซ้ำ

ท้ายสุดนี้ผู้เขียนก็ยังหวังในความใจกว้างของท่านผู้อ่านทั้งหลาย ก่อนที่จะพลิกไปอ่านเนื้อเรื่องหรือติดตามชมรายการของพวกเรา ทั้งนี้ก็เพื่อความเข้าใจที่ท่านผู้อ่านอาจจะได้รับจากการติดตามเรื่องราวทั้งหมดนี้ และมันจะทำให้ความรู้สึกของท่านกับพวกเราชาวโลกวิญญาณ ไม่ห่างไกลเกินกว่าจะเชื่อมโยงถึงกันได้ จงจำไว้เสมอว่า โลกแห่งชีวิตหลังความตาย ก็ไม่ต่างจากโลกที่พวกท่านอาศัยอยู่ มันอาจจะเหมือนด้านทั้งสองของเหรียญเดียวกัน ที่กำลังหมุนวนรอบตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นมิติภพของมนุษย์ หรือชาวโลกหลังความตายทั้งหลาย ต่างก็ไม่ได้มีความแปลกแยกออกจากกันแต่ประการใด และแท้จริงแล้วธรรมชาติของพวกเราทั้งสองโลกก็ล้วนเป็นเพียงดวงวิญญาณที่ร่อนเร่สัญจรกันไปอย่างไร้จุดหมายปลายทางทั้งสิ้น แล้วท่านอาจจะพบว่า ช่องว่างระหว่างพวกเรานั้นน้อยกว่าที่ท่านคิดไว้แต่แรกมากมายนัก กระทั่งว่า ต่างฝ่ายอาจต่างรายล้อมอยู่รายรอบซึ่งกันและกันตลอดเวลาด้วยซ้ำไป

ติดตามรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ http://www.firenine.com/zone12/blg01/main.php

No comments:

Post a Comment